December 12, 2024

น้ำตาท่วม! ประชุมผู้ปกครอง ครูขอพ่อแม่อย่ายัดเยียดความฝันตัวเองให้ลูก มันคนละยุคกัน

น้ำตาท่วม! ประชุมผู้ปกครอง ครูขอพ่อแม่อย่ายัดเยียดความฝันตัวเองให้ลูก มันคนละยุคกัน
น้ำตาท่วม! ประชุมผู้ปกครอง ครูขอพ่อแม่อย่ายัดเยียดความฝันตัวเองให้ลูก มันคนละยุคกัน
เรียกว่า ความแตกต่างระหว่างวัย หรือ ความแตกต่างระหว่างยุคสมัย อาจทำให้ไม่เข้าใจกันได้ ซึ่งปัญหาหนึ่งของเด็กวัยเรียนกับผู้ปกครองที่มีให้เห็นกัน คือ เรื่องการทำตามความฝันของเด็ก ๆ เอง กับ ความฝันของผู้ปกครองที่หวังจะให้ลูกมีความมั่นคงในชีวิต แต่มีสิ่งหนึ่งเจ้าของเฟซบุ๊ก  อยากจะเปิดเผยให้ฟังถึงเรื่องการทำตามความฝันของเด็ก ๆ และความฝันของผู้ปกครอง จึงได้ยกการประชุมของโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) เข้ามาสะท้อนเรื่องราวเหล่านี้

โดยระบุว่า ประชุมผู้ปกครองโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ปีนี้น้ำตาท่วม เมื่อครูแนะแนวเปิดอกบอกเล่าความรู้สึก ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองฟังลูกหลานบ้าง อย่าเอาความฝันส่วนตัวยัดเยียดให้เด็ก ครูแนะแนวบอกว่า เด็กโรงเรียนกำเนิดวิทย์ จริง ๆ จะเรียนอะไร คณะวิชาอะไร มหาวิทยาลัยในไทยหรือต่างประเทศก็ไม่น่ามีปัญหามาก แต่ทุกข์ของเด็กเก่ง ๆ เหล่านี้คือ บางครอบครัวเรียกร้อง คาดหวังให้ลูกต้องเรียน หมอ เท่านั้น


ครูบอก ถ้าเด็กโรงเรียนกำเนิดวิทย์อยากเรียนหมอ หรือไปทางสายสุขภาพด้วยตัวเอง ครูและโรงเรียนพร้อมสนับสนุน 100% แต่มีเด็กจำนวนไม่น้อย ไม่อยากเรียนหมอ บางคนอยากเรียนต่อสาย STEM หรือบางคนอยากเรียนต่อต่างประเทศ แต่พ่อแม่ไม่ยินยอม ครูบอก ลูกศิษย์หลายคนเครียดมาก เดินมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับความขัดแย้งกับครอบครัว เรื่องการเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัย

ครูได้แต่แนะนำให้กลับไปคุยกับผู้ปกครองก่อน บางเคสคุยกันไม่ได้ก็ต้องช่วยพูด แต่การตัดสินใจสุดท้ายก็ขึ้นกับ พ่อแม่กับเด็ก ครูพูดวิงวอนด้วยน้ำตา ขอให้ผู้ปกครองเปิดใจรับฟังความฝันของลูกหลาน แล้วสนับสนุนให้พวกเขาไปถึงฝั่งฝันนั้น แม้ฝันของเด็กจะไม่ตรงกับความต้องการของพ่อแม่ หรือครอบครัวก็ตาม

ด้าน รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการโรงเรียนกำเนิดวิทย์ กล่าวเสริมว่า ยุคของพ่อแม่โตมาคือ 3.0 เน้นเรียนรู้การศึกษาแบบป้อนสู่โรงงานอุตสาหกรรม ต้องทำตามระบบ ตามขั้นตอน แต่ยุคนี้ 4.0 หรือมากกว่านั้นแล้ว อย่าเอากรอบคิดแบบเก่าดึงลูกหลานไม่ให้ไปข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปแล้วนั้น ก็ได้กลายเป็นไวรัลอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยมีหลายคนแสดงความคิดเห็นไปแนวทางเดียวกันว่า เห็นด้วย หมดแล้วยุคสมัยที่ตัดสินชีวิตให้ลูก และลูกคือคนที่เรียน ไม่ใช่พ่อและแม่ ขณะเดียวกันบางคนก็เปิดเผยประสบการณ์ให้ฟังด้วยว่า เคยเจอเด็กมหาวิทยาลัยที่อยากเรียนพยาบาล แต่แม่ให้เรียนบัญชี น่าสงสารมาก

ขณะเดียวกันก็ได้มีครูปกครองบางส่วน ออกมาแสดงความเห็นเช่นเดียวกันว่า ลูกเป็นคนเรียนเก่ง แต่จะไปเรียนอะไรไม่รู้ เพิ่งรู้ว่ายากจะทำใจ แต่เขาน่าจะไปรอดกับสิ่งที่เขารัก หรือบางทีเราอาจจะห่วงจนเกินไป ทั้งนี้ เรื่องราวของความฝันของเด็กและคุณพ่อคุณแม่จะจบลงเช่นไรนั้น อยากให้ลองคำนึงถึง ความเข้าใจซึ่งกันและกัน อาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *