จากที่ก่อนหน้านี้โดนจับตาหนักมากสำหรับ “กบ พิมลรัตน์ พิศลยบุตร” ที่หลังจากแต่งงานกับ “ประสพ พลากรกิตติ” นักธุรกิจเจ้าของบริษัทเคมีโค ผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับภูมิภาค ก็ดูเหมือนว่าชีวิตจะดีดี๊ สุขสบาย แต่จู่ๆ ชื่อของ “กบ พิมลรัตน์” ก็ได้ถูกค้นหาอย่างหนักอีกครั้ง เพราะหลายคนโยงว่า “กบ พิมลรัตน์” คือ เจ้าหญิง ก.ไก่ สามีมี 2 บ้าน
ล่าสุด “กบ พิมลรัตน์” ได้ออกมาเปิดใจเคลียร์ชัดๆ ให้ฟังกันเป็นครั้งแรก หลังจบรายการ คุยแซ่บโชว์ ถึงปัญหาความสัมพันธ์ภายในครอบครัวทั้งหมด ซึ่งเธอบอกว่า ในช่วงเวลาที่สามีอยู่กับเรา 8 – 9 ปี เราอยู่ด้วยกัน ตัวติดกันตลอด ตื่นนอน ทำงาน ไปรับไปส่ง อยู่ด้วยกันแบบนี้ทุกวัน ต่อมาเขาเริ่มบอกให้เราออกจากวงการเพราะไม่ชอบ เรามีการถกเถียงกันเพราะคิดต่าง และก็เรื่องไม่ให้คบเพื่อนเพราะว่าเพื่อนไม่มีใครหวังดี อยากให้เราคบเพื่อนเขา และเขาก็ไม่ชอบคนในสังคมคนในวงการ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เราหายออกจากวงการไปเลย เขาเป็นคนสมถะ ซึ่งเราก็ชื่นชมเราไม่ได้ติดอะไรตรงนี้ แต่มันก็จะมีความขัดแย้งและขัดใจบ้างเพราะเราโตมาไม่เหมือนกัน
บางสิ่งบางอย่างเขาควรจะอยู่ตรงกลางบ้างเพราะเราไม่ได้โตมาเหมือนกัน ถ้าอยู่ตรงกลางได้มันจะดี สิ่งนี้ทำให้เราค่อนข้างจะอึดอัด อาจจะคิดว่ารวยระดับมหาเศรษฐีแต่ทำไมคิดแบบนี้? มันเป็นความคิดที่ต่างกันจริงๆ ของพวกนี้ว่าเขาก็ไม่ผิด แต่ถ้ามันอยู่ตรงกลางได้เราก็คิดว่าจะดี ซึ่งส่วนใหญ่เราก็จะตามเขามากกว่า มีการปรับช่วงแรกๆ แต่มันก็จะมีขัดแย้งกันบ้าง พักหลังมันก็ดีขึ้น แต่ตอนนี้มันกลับไปอยู่จุดเดิมส่วนเรื่องทำร้ายร่างกายมันก็พอรับได้บ้าง แต่ที่ทนไม่ได้เลยคือชอบบอกเลิก ซึ่งเราก็พยายามเข้าใจว่าแต่ละคนมีปมในชีวิตที่ไม่เหมือนกัน พยายามเข้าใจเขาให้มากที่สุด ก็พยายามขอร้องให้เขาไม่พูดได้ไหมเพราะเวลาเขาพูดมันทำให้เรารู้สึกว่าเขาจะไม่รักเรา เราก็แอบสงสัยในตัวเองหรือว่าเราดีไม่พอ เขาเป็นคนบอกให้เราให้ขนของออกจากบ้าน พักหลังเขาบอกเลิกรายเดือนแบบไม่มีสาเหตุ ซึ่งเขาไม่พอใจในสิ่งที่เราเป็น
สิ่งที่ผิดพลาดในการใช้ชีวิตมันน่ากลัวมันเสี่ยงต่อการที่เรามองโลกในแง่ดี และคนเรามีโอกาสผิดพลาดได้ สิ่งที่กังวลใจที่สุดในตอนนี้สำหรับเขาคงจบแล้ว แต่สิ่งที่กังวลตอนนี้เป็นเรื่องคดี ส่วนเรื่องความปลอดภัยก่อนหน้านี้ยอมรับว่ามี แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว เพราะว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อปกป้องตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเราให้เกียรติในการตัดสินใจของเขาแต่ไม่ยอมปกป้องตัวเองบทเรียนครั้งนี้ทำให้โตขึ้น ทำให้รู้สึกผิดเป็นครู ไม่ได้อยากสงสารอะไรตัวเองมาก เพราะมันอาจจะเป็นสิ่งที่สอนเราในวันข้างหน้าว่าฉันรักตัวเองมากกว่ารักคนอื่น ถ้าจะรักก็รักให้ถูกคน เพราะขนาดเป็นคนคิดเยอะและไตร่ตรองเยอะแล้วมันก็ยังมีผิดพลาดได้ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะกลับรับงานในวงการ เหมือนได้ชีวิตตัวเองกลับมา และก็หมดพันธะจากทุกๆ อย่าง ในกรณีของพี่มีการตกแต่ง ถึงจะไม่เป็นลายลักษณ์อักษรที่คุยกันเรื่องจดทะเบียน แต่ภาพงานแต่งที่ออกไปแล้วมันเป็นสิทธิ์ของเรา ฟ้องร้องได้เรียกค่าทดแทนหลังจากที่ฟ้องไปก็มีติดต่อให้มาเจอ แต่ไม่ให้เอาทนายไป แต่เรายืนยันขอเอาทนายไป เขาก็บอกอยากเจอส่วนตัว”ถ้าเขาขอโอกาส คิดว่าน่าจะสายเกินไปแล้วค่ะ ถามว่ารักเขาอยู่ไหม ต้องตัดใจค่ะ รักมันรักอยู่แล้ว คบกันมาขนาดนี้ ผูกพันก็มากเรื่องนี้สอนอะไรบ้าง จริงๆ ควรจะรักตัวเองมากกว่ารักคนอื่น เราดีกับคนได้นะ มีเมตตากับคนได้ แต่ต้องดีให้ถูกคน” อดีตนางเอกดังน้ำตาคลอ