กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์ กับซีรีส์ “แม่หยัว” โดยหนึ่งในฉากที่มีการใช้สัตว์อย่าง แมวดำ เข้าฉากการถ่ายทำ ซึ่งน้องแมวได้เกร็งกระตุก จนนักแสดงแสดงสีหน้าตกใจ ทำให้ฉากดังกล่าวดูสมจริง ก่อนที่จะมีการบอกภายหลังว่าเป็นการใช้ยาสลบแมว ทำให้ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์สนั่น
ทางด้าน ช่องวัน 31 ได้ออกมาโพสต์จดหมายชี้แจงหลังมีดราม่า โดยระบุข้อความว่า “แถลงการณ์จากช่องวัน 31 ตามที่มีกระแสข่าวถึงความไม่เหมาะสมของฉากที่ใช้แมวร่วมแสดง ในซีรีส์ “แม่หยัว” จนเกิดความไม่สบายใจของผู้ชมนั้น ช่องวัน 31 ขอชี้แจงว่า ทางเราคำนึงถึงสวัสดิภาพ
และความปลอดภัยของสัตว์เป็นสำคัญ โดยแมวที่นำมาถ่ายทำนั้นมาจากบริษัทโมเดลลิ่งสัตว์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการนำสัตว์ร่วมถ่ายทำละครและภาพยนตร์โดยเฉพาะมากว่า 10 ปี และเป็นเจ้าของแมวตัวดังกล่าว รวมถึงเป็นผู้ดูแลแมวตลอดระยะเวลาการถ่ายทำในทุกขั้นตอน
ช่องวัน 31 รู้สึกเสียใจและขอโทษกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกที่ไม่สบายใจ เราจะนำข้อชี้แนะ ความคิดเห็น กลับไปพิจารณาในการทำงานร่วมกับสัตว์ และระมัดระวังไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก ช่องวัน 31 ขอน้อมรับ และขอขอบคุณทุกความคิดเห็นมา ณ ที่นี้”
ล่าสุด อดีตผู้ประกาศชื่อดัง ต๊ะ นารากร ติยายน ได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว เปรียบเทียบวิธีการแก้ปัญหาของ 2 ช่องที่เกี่ยวข้องกับประเด็นร้อนแรงดังในสังคม โดยระบุข้อความว่า “เทียบการแก้ปัญหาของ 2 ช่อง ระหว่าง workpoint กรณี บอสกันต์ และ ช่อง one กรณี บอสดารา+การวางยาสลบแมวในแม่หยัว
– Workpoint แถลงยุติสัญญากับ กันต์ และเปลี่ยนตัวพิธีกรในร้องข้ามกำแพง โดยยอมยกเทปรายการที่ถ่ายทำไปแล้วทิ้ง แล้วเรียกดารามาถ่ายทำใหม่พร้อมกับพิธีกรคนใหม่ ซี ศิวัฒน์ ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า WP ยอมเสียรายได้ส่วนหนึ่ง เพื่อรักษาองค์กรส่วนใหญ่ไว้
และใน Studio ของ workpoint ที่บางพูน ก็รื้อทั้งบิลบอร์ดและโปสเตอร์ที่มีรูปของ กันต์ ออกทั้งหมด ทั้งหมดนี้ WP ทำเสร็จภายในวันเดียว
– ช่อง one ไม่ยกเลิกการออนแอร์ละครเกมรักปาฏิหาริย์ โดยอ้างความเสียหายของธุรกิจโดยรวม และเมื่อมีกรณีวางยาแมวในแม่หยัว ช่อง one ก็ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า แมวมาจากโมเดลลิ่งสัตว์ผู้เชี่ยวชาญมากว่า 10 ปี
แต่ไม่ได้บอกว่าจะดำเนินการรับผิดชอบอย่างไร บอกตอนท้ายว่ารู้สึกเสียใจและขอโทษกับเหตุการณ์ครั้งนี้
ตอนนี้ถึงเวลาที่ผู้ชมจะเป็นผู้ตัดสินใจแล้วว่า จะสนับสนุนทีวีช่องไหนต่อไป รวมทั้งสปอนเซอร์ทั้งหลายก็คงกำลังประชุมกันว่าจะแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไร”