อีกหนึ่งเหตุการร์ที่เรียกได้ว่าเป็นเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่มากๆ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้รายงาน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมาว่า เกิดเหตุไฟไหม้ชุมชนแออัดที่ฟิลิปปินส์ครั้งใหญ่ เปลวไฟโหมกระหน่ำและควันดำหนาพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมทั้งเผาบ้านเรือนหลายร้อยหลังในย่านชุมชนแออัดที่สร้างขึ้นอย่างหนาแน่นของเขตทอนโด กรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์
สำนักงานป้องกันอัคคีภัย (BFP) เปิดเผยว่า ไฟไหม้ที่เกาะ Isla Putting Bato เริ่มเกิดขึ้นประมาณ 08:00 น. และได้รับแจ้งเหตุภายในไม่กี่นาที โดยลุกลามไปถึงหน่วยปฏิบัติการพิเศษ Bravo ก่อนเที่ยงไม่นาน ซึ่งระดับดังกล่าวต้องใช้การดับเพลิงในระดับใหญ่
ตามรายงานระบุว่า รถดับเพลิงอย่างน้อย 20 คันและรถพยาบาลหนึ่งคันถูกส่งมายังบริเวณดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังต่อสู้กับเปลวเพลิงภายใต้สภาวะที่กดดัน เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนสาเหตุของเพลิงไหม้และประเมินขอบเขตความเสียหายทั้งหมด ซึ่งหน่วยดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัยได้ส่งรถบรรทุก 36 คันและเรือดับเพลิง 4 ลำ ขณะเดียวกันกองทัพอากาศของประเทศได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำเข้ามาช่วยดับเพลิง
ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโส อเลฮานโดร ราโมส หัวหน้าหน่วยข่าวกรองและสอบสวนของกรมดับเพลิงกรุงมะนิลา เปิดเผยว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ได้ทำลายบ้านเรือนไปกว่า 1,000 หลัง ซึ่งคาดว่าเริ่มจากชั้นสองของบ้านหลังหนึ่ง
นอกจากนี้ อเลฮานโดร ยังกล่าวเสริมว่า บ้านส่วนใหญ่ในบริเวณนี้สร้างด้วยวัสดุที่ติดไฟได้ง่าย เนื่องจากผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นผู้ตั้งถิ่นฐานชั่วคราว นอกจากนี้ ลมแรงในชุมชนชายฝั่งยังส่งผลให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ขณะที่ภาพจากโดรนที่แบ่งปันกันทางออนไลน์โดยหน่วยงานป้องกันภัยพิบัติของเมืองแสดงให้เห็นบ้านเรือนในหมู่บ้านถูกทำลายจนวอดวาย ซึ่งตามข้อมูลของหน่วยดับเพลิง โครงสร้างดังกล่าวรองรับผู้อยู่อาศัยได้ประมาณ 2,000 ครัวเรือน
ทั้งนี้จากข้อมูลปัจจุบันยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ถึงแม้ว่านักดับเพลิงหลายรายจะได้รับบาดเจ็บก็ตาม นอกจากนี้ ตามรายงานของศาลากลางกรุงมะนิลา ประชาชนบางส่วนได้รับการอพยพไปยังศูนย์อพยพเดลปันแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายกเทศมนตรีเมืองมะนิลา ฮันนี่ ลาคูนา กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราจะดูแลให้ผู้ที่อพยพได้รับเงินช่วยเหลือ อาหาร และวัสดุสำหรับสร้างบ้านใหม่ผ่านหน่วยงานท้องถิ่น DSWD และหวังว่าจะรวมถึงแหล่งอื่นๆ ด้วย เราต้องร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากไฟไหม้ในช่วงเวลาแห่งความต้องการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้”