จิงโจ้ หลุดสวนสัตว์เชียงใหม่ ตกน้ำที่บริเวณน้ำตกห้วยช่างเคี่ยน
ความคืบหน้าจากกรณี จิงโจ้แดง เพศเมีย อายุ 2 ปี 6 เดือน หลุดออกจากสวนสัตว์เชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เมื่อช่วงเวลา 07.50 น. วานนี้ (29 พฤษภาคม) ซึ่งเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้ระดมกำลังออกเดินเท้าเพื่อค้นหาต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. มีรายงานจากสวนสัตว์เชียงใหม่ว่า จิงโจ้แดงตายแล้ว โดยเจ้าหน้าที่พบซากที่บริเวณน้ำตกห้วยช่างเคี่ยน และในวันนี้เวลา 16.00 น. มีการแถลงข่าวพร้อมกัน ณ ห้องประชุมเวียงเจ็ดลิน ชั้น 5 อาคารสำนักงานสวนสัตว์เชียงใหม่
ขณะที่ นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (อสส.) เผยกับ มติชนออนไลน์ ว่าเบื้องต้นได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่า จิงโจ้แดงตายแล้ว ด้วยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังไม่มีรายละเอียดมาให้ และคาดว่าหลายคนกำลังเตรียมตัวแถลงข่าวที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตนเพิ่งจะดีใจที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งมาก่อนหน้านี้ว่าเจอจิงโจ้แล้ว แต่เมื่อตายแล้วก็ต้องยอมรับสภาพ
ส่วนประเด็นที่ว่าเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบหรือไม่ นายอรรถพรกล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว เพราะจิงโจ้เป็นทรัพย์สินของทางราชการ แต่ยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เพราะห่วงเรื่องขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า สวนสัตว์ทุกแห่งในประเทศ มีมาตรฐานเรื่องการดูแลสัตว์ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีสัตว์ชนิดใดหลุดออกมา และเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้เลย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สัตวแพทย์หญิง กรรณิการ์ จันทรังษี รักษาการหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์เชียงใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์แสดงความเป็นห่วง ขอให้เจ้าหน้าที่เจอตัวน้องจิงโจ้แดงโดยเร็วที่สุด เพราะน้องไม่เคยออกไปจากพื้นที่ป่า เคยอยู่แต่คอกกัก โดยเป็นห่วงเรื่องการกระโดดของจิงโจ้แดงที่จะเจอโขดหินหรือลวดหนามอาจได้รับบาดเจ็บ
ประกอบกับกังวลเรื่องความตกใจของจิงโจ้แดง ถ้าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไล่ต้อนตลอดเวลาของฝูงสุนัขในพื้นที่หรือสัตว์อื่นๆ ถ้าต่อเนื่องโดยไม่ได้พักผ่อนเลยก็จะมีผลต่อร่างกายเรื่องกล้ามเนื้อสลายและอวัยวะภายใน ซึ่งสัตวแพทย์คาดการณ์ว่าตามที่เล่านั้น จิงโจ้แดงจะไม่แสดงอาการให้เห็นภายนอกแต่จะกังวลเรื่องระบบภายในซึ่งจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
หากเราพบขณะที่จิงโจ้อ่อนแรง ขั้นตอนการกู้คืนอาจจะยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันจะเข้าสู่ภาวะของไตวายเฉียบพลัน แต่ถ้าหากเราพบเราก็อาจช่วยได้โดยใช้ทางการสัตวแพทย์เข้าช่วยเหลือทันที
ส่วนกรณีที่สภาพร้อนชื้นหรือมีฝนตกลงมา สภาพอากาศมีความชื้นสูงการระบายอากาศในร่างกายของเขาจะทำได้น้อยเพราะฉะนั้นโอกาสที่เขาอุณหภูมิร่างกายภายในสูงก็จะเกิดภาวะทับซ้อนไปอีกบวกกับความเครียดซึ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก