ความจนมันน่ากลัว พ่อช่วยลูกถูกทำร้ายไม่ได้ จึงก่อเหตุสลด เอาเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้ลูกชายไปขึ้นศาล

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2567 ที่วัดบางบอน ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายสาคร (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ซึ่งได้กระทำอัตวินิบาตกรรมตัวเอง โดยนายเสกสรร อายุ 29 ปี ลูกชายคนโต เล่าว่า พ่อป่วยอยู่แล้ว เป็นซึมเศร้า กระทั่งล่าสุด มาทราบว่าลูกชายคนเล็ก อายุ 14 ปี เรียนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ถูกผู้ปกครองของเพื่อนในโรงเรียน ทำร้าย เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา พ่อเลยยิ่งเครียด

พ่อเกิดอาการเครียดเรื่องที่น้องไปโดนเขาชกต่อยมาแล้วคดีไม่คืบหน้า พ่อเขาเครียด เขาถามผมทุกวัน ว่ามีตังค์ไปช่วยน้องขึ้นศาลไหม เพราะเขาก็ไม่มี ผมก็ไม่รู้จะทำไง ผมก็ทำงานหาเงินให้เขาทุกวัน จะให้เขาเอาเงินไปขึ้นศาล ผมไม่คิดว่าเขาจะมาทำแบบนี้ เรื่องชกต่อยเกิดขึ้นที่โรงเรียน แต่คดีผ่านมา 1 เดือน 1 วัน ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ผมเป็นคนไปแจ้งความให้ แต่ตำรวจเขาไม่เอาผมเป็นผู้ปกครอง ผมเป็นพี่คนโตของเด็ก แต่เขาจะเอาพ่อเป็นคนแจ้ง พ่อไม่สบาย ป่วย เขาก็จะเอาพ่อ แต่ถ้าเอาผมไปแจ้งก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะผมก็ไม่อยากบอกพ่อ เขาเครียดกลัวไม่มีตังค์ไปสู้คดี ถึงมีตังค์ไปสู้คดีเราก็แพ้ เพราะเราไม่มีอะไรไปสู้กับเขา เงินติดตัวกินข้าวยังไม่มีกันเลย

ทางคู่กรณีตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังไง เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องของเด็ก 2 คน แล้วพ่อของเด็กฝั่งโน้นมายุ่ง เขาเมาด้วย เขามาต่อยน้องผม เหมือนมาเคลียร์ให้ลูก ลูกเขาก็คนละชั้น คนละโรงเรียนกันด้วย วันนี้ตำรวจเรียกขึ้นศาลเพื่อไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ส่วนเงิน 1,000 บาท พ่อบอกผมมาว่าร้อยเวรปรับคนละ 1,000 บาท แต่พ่อบอกเขาพ่อไม่มี รอขึ้นศาลได้ไหม เดี๋ยวค่อยให้ พ่อเขาพูดกับผมทุกวัน เป็นอาทิตย์แล้ว เขาก็รู้ว่าผมไม่มี แต่ตัวเขาเองมีประกันหมู่บ้านอยู่ ผมคิดว่าเขาน่าจะเอาตัวนี้มาช่วย มาขึ้นศาล แต่เขาไม่น่าทำแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการเปิดเผยว่า ความจริงไม่มีการสั่งปรับ 1,000 บาท เนื่องจากฝ่ายผู้เสียชีวิตเป็นผู้เสียหาย โดยนัดคู่กรณีไปที่ศาลวันนี้ แต่พ่อของเด็กก็ด่วนตัดสินใจทำร้ายตัวเองไปเสียก่อน ทราบว่ามีอาการป่วยซึมเศร้าอยู่ก่อนแล้ว และมีการทำฌาปนกิจสงเคราะห์ไว้ จึงอาจอยากได้เงินส่วนนี้เอาไปช่วยลูกคนเล็ก ตามที่บอกไว้กับลูกชายคนโต