จากกรณีที่เกิดเหตุการให้ออกของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง จำนวน 5 คน จากกรณีหนีไฟไหม้ถังเก็บแก๊สโซลีน จังหวัดระยอง ล่าสุดเจรจาจบแล้ว โดยทางบริษัทยินดีรับกลับเข้าทำงาน ส่วนที่ผู้ที่ไม่กลับ ก็จะชดเชยตามกฏหมายแรงงาน ซึ่งผลการเจรจาทุกฝ่ายพอใจ และจบลงด้วยดี
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พนักงาน 5 คนของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ถูกเลิกจ้าง หลังหนีเหตุไฟไหม้ถังเก็บแก๊สโซลีน บริเวณท่าเรือมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง ได้มีการเจรจากับบริษัทต้นสังกัด ผู้อำนวยการการท่าเรือ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และ นายกฤช ศิลปชัย ส.ส.เขต 2 ระยอง พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน
การเจรจาใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นายกฤช ศิลปชัย ส.ส.เขต 2 ระยอง ได้เปิดเผยว่า ผลการเจรจาจบลงด้วยดี โดยที่มาที่ไปที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็เนื่องจากในวันเกิดเหตุถังเก็บแก๊สโซลีน ของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด เกิดระเบิดขึ้น
ผู้เสียหายทั้ง 5 คน ซึ่งเป็นพนักงานปลดเชือกเรือ ของบริษัทแห่งหนึ่ง ทำงานอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ ประมาณ 500 เมตร พอเกิดเหตุพนักงานทั้ง 5 คน จึงหลบหนีลงไปอยู่ในเรือ แล้วออกห่างจากจุดเกิดไปอีกประมาณ 200-300 เมตรเพื่อความปลอดภัย
โดยมีการแจ้งไปยังต้นสังกัดแล้วว่า หากจะมีเรือออกให้แจ้งมา แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่มีเรือขนถ่ายน้ำมันของต่างชาติ จะออกจากท่า เพื่อหนีไฟไหม้เช่นกัน ทำให้ไม่มีพนักงานไปปลดเชือกเรือ จึงเกิดการคอมเพลนไปที่บริษัทต้นสังกัด จึงเป็นที่มาของการให้พนักงานมาเซ็นใบลาออก พนักงานทั้ง 5 คน จึงไปร้องเรียนที่เพจ ส.ส.พรรคก้าวไกล จึงเกิดการเจรจาขึ้นในวันนี้
โดยผลการเจรจา เป็นที่พอใจทุกฝ่าย โดยใครที่ประสงค์จะกลับมาทำงาน ทางบริษัทยินดีรับกลับ แต่มีเงื่อนไขว่าจะไม่มีการนำเหตุการณ์ในวันนี้ ไปกดดันกันในภายภาคหน้า ส่วนใครที่ไม่กลับมาทำงานอีก ก็จะดูแลชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ปรากฎว่ามีพนักงาน 2 คน ยอมกลับเข้ามาทำงานใหม่ เพราะว่าอายุมากแล้ว ส่วนอีก 3 คนซึ่งอายุยังน้อย ไม่กลับเข้าทำงาน แต่จะได้รับค่าชดเชยตามอายุงาน
โดยคนที่ทำงาน 1-3 ปี จะได้ชดเชย 3 เดือน บวกกับค่าเลิกจ้างไม่ได้บอกล่วงหน้าอีก 1 เท่า ก็รวมเป็น 4 เดือน ส่วนคนที่อายุงาน 15 ปี ขึ้นไป ก็จะได้ชดเชย 300 วัน หรือ 10 เดือน บวกค่าเลิกจ้างไม่บอกล่วงหน้าอีก 1 เดือน รวมเป็น 11 เดือน ซึ่งทุกฝ่ายก็พอใจ ทำให้การเจรจาจบลงด้วยดี