นับว่าเป็นอีกหนึ่งดารานักแสดงคนดังที่ใครก็รู้จัก “หมู ดิลก” ที่ออกมาเปิดใจเรื่องความรัก ใน club friday show ว่าในยุคเป็นพระเอกเนื้อหอม ทำให้เคยใช้ชีวิตกับหลายคน หลายความรัก ไม่เคยให้ความมั่นใจกับใคร จนวิวาห์แรกพังพินาศเพราะความไม่ซื่อสัตย์
ยอมรับมีคบซ้อน สร้างเรื่องโกหกมากมาย เรียกชื่อผิดก็มี มักใช้คำอ้างว่า ค้นหาตัวเอง ตั้งแต่ตอนเรียน จนเข้าวงการ แต่ละครั้งจบความสัมพันธ์ไม่ดี ผู้หญิงก็ขอหยุด บางกรณีตัวเองก็สูญเสีย บางกรณีก็สบายใจที่ไปได้
คนที่เลือกแต่งงาน เราคิดว่าคนนี้ดีที่สุด วันหนึ่งเราเลือกคนหนึ่งมาแต่งงาน มองย้อนในมุมอดีตภรรยา เราคงทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย มีการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญคือความซื่อสัตย์ ไว้วางใจ ตามประสาผู้ชาย ก็มีผู้หญิงอื่น ซึ่งวันนั้นเราไม่รู้สึกอะไร ขณะที่อดีตภรรยา ก็รักเรามาก จนใช้คำว่า พี่ไปมีคนอื่นได้ ถ้าไม่เป็นตัวเป็นตน
จนวันหนึ่งอดีตภรรยาก็ไม่ไหว เขาตัดสินใจ ขอแยกทาง หมู ดิลก เผยว่า ไม่มีสัญญาณมาก่อน เพราะเรามองข้าม เราจัดลำดับความสำคัญเรื่องความซื่อสัตย์ไว้ท้ายๆ เราแค่ดูแลเขาไป จนเวลาผ่านไป เพิ่งได้รู้ว่า การใช้ชีวิตคู่ ต้องซื่อสัตย์ตลอดเวลา ไม่ใช่บางเวลา
“ผมก็พยายามเหนี่ยวรั้ง เล่าตรงๆ และยุติธรรมกับฝ่ายหญิง ทรัพย์สินจากการทำงาน ตัดสินใจยกให้ผู้หญิง ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน เขาไม่ผิดที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมด
เรามีชื่อเสียง แต่ต้องออกมาจากบ้าน เราต้องเริ่มต้นใหม่ เขาบอกว่า วันหนึ่ง อาจจะคืนบ้านให้ พูดในมุมที่ดีสำหรับผม เขาก็ยังให้เราอยู่ในบ้าน จนกว่าเราจะมีที่ยืน ตอนนั้นสถานการณ์ชีวิตซับซ้อน จากปัญหาชีวิตคู่ เสียใจ เวลาอยู่ในบ้านหลังนั้น คนเดียว จะถาม ทำไมๆ ต้องเกิดขึ้น”
การหย่าร้าง ไม่มีมีคนไม่ดีหรอก ไม่มีใครอยากทำร้ายกัน แต่ความเจ็บปวด การไม่ปรับตัวของเรา ที่ทำร้ายเราเอง ตอนแต่งงาน ดังแล้ว แต่งเงียบๆ ที่บ้านของผู้หญิงที่ต่างจังหวัด ตลกมาก ในละคร เรารวย มีบ้านหลังใหญ่ มีรถ แต่ชีวิตจริง มาจากครอบครัวไม่มีแบ็กกราวด์มีทรัพย์สินเลย มาทำงานแสดง เป็นคนแรกที่เก็บเงินทองได้ มีชื่อเสียง
บทพระเอกในวงการของตัวเองก็กำลังจะจบลง มองไปข้างหลัง พ่อแม่ก็ยังลำบาก ยังหาตัวเองไม่เจอ บำบัดตัวเอง ร้องไห้กับตัวเองพอแล้ว ดูหนังผีเท่าไหร่ก็ไม่กลัว ปัญหาชีวิต ไม่มีงาน ไม่มีเงิน หนักกว่ามาก ปัญหาชีวิตน่ากลัวกว่าผี
จนประมาณปีหนึ่ง ไปทำงานพิธีกร เสร็จแล้วมีคนชวนไปงานเลี้ยงวันเกิดนางงาม ตอนแรกไม่ไป แต่มีเหตุให้ต้องไป ลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ปิ๊ง สวย ตอนนั้นยังสิ้นหวัง บ้านก็ไม่มีจะอยู่แล้ว บ้านแม่ ต่างจังหวัด ก็เช่าเขา ช่วงวัยไม่มีใครจ้าง ไม่มีบทที่เหมาะ คิดว่าไม่น่าหาเงินได้มากอีกแล้ว
มาเจอเขา (เกรซ ภรรยาคนปัจจุบัน) อีกครั้งสองครั้ง จากนั้นครั้งที่ 4 แล้วเขาหายไปเลย เนื่องจาก เราแต่งงานครั้งแรกก็เงียบ หย่าก็เงียบ เขาไม่แน่ใจว่าเราหย่าแล้ว ไปดักรอปากซอยบ้านเขา ก็ไม่เจอ หายไปเกือบปี ผ่านไปอีกปีหนึ่ง ไปเป็นพิธีกรประกวดนางงาม มาเจอในงาน เธอเป็นตัวแทนไปประกวดมิสฮ่องกง กลับมาร่วมงานด้วย
ก่อนหน้านั้น เราพิสูจน์ตัวเองทำตัวแบดบอย one night stand ก็ยิ่งสูญเสียความนับถือตัวเอง พอมาเจออีกครั้ง มาคุยกันใหม่ เป็นนางงาม มาจากครอบครัวธรรมดา เราก็ทรัพยากรร่อยหรอพอๆ กัน ชวนกันไปขายประกัน งานแสดงยังมี แต่อยากพิสูจน์ตัวเองว่าทำอย่างอื่นได้ไหม
แทบไม่รับงานวงการบันเทิง ทุ่มเทงานขาย อยู่ห้องเช่า 3,500 บาท ห้องน้ำแคบเท่าตัวเรา จนมาขายประกัน จะซื้อบ้าน อยู่ร่วมกับคู่ชีวิต สู้กันวันต่อวัน เกรซ ภรรยา คิดว่า เราเป็นนักแสดงน่าจะมีเงินเยอะ ต้องวางเงินซื้อบ้าน 1 แสน
“ผมมี 4 หมื่น เธอวาง 6 หมื่น เหลือ 27 บาทในบัญชี เงินจะจ่ายค่าบ้านเดือนหน้ายังไม่มี ต่อสู้กันมา 27 ปี ขายประกัน 9 ปี จนจ่ายค่าบ้านหมด
จนเริ่มไม่มีภาระ เลยมีลูก และกลับมาเล่นละคร เราดูแลความรักทีละวัน อย่าประมาท อย่าคิดว่าความเจ็บช้ำจะไม่กลับมาอีก หากไม่ดูแลเขา เราต้องหาความหมายตัวเองให้เจอ
รักปัจจุบันไม่เคยแยกจากกัน เห็นผู้หญิงสวยๆ น่ารัก ก็มีชอบ แต่ต้องซื่อสัตย์ เราไม่เคยมีงานแต่ง เธอไม่คิดเรื่องแต่งงาน ไม่เอาของแบรนด์เนม อยากเก็บเงินให้ลูก เพราะเคยผ่านจุดอยู่ห้องเช่า เหลือเงิน 27 บาท ไม่มีเงินจะผ่อนบ้าน
หมู ดิลก ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เผยว่า ช่วง 27 ปี อยากภรรยา อยากบอกรักกับเขา และ ลูก ทุกวัน ประหลาดใจเคยคิดว่า อยากหาผู้หญิงมีการศึกษา ร่ำรวย มาร่วมชีวิต แต่ไม่คิดว่า ภรรยาที่อดีตไม่มีต้นทุน ทำงานขายตามห้าง คิดอะไรได้ไม่ดีทุกวัน แต่เป็นแรงบันดาลใจ ให้เราเรียนรู้ถึงคนที่รักเราจริงการให้กับลูก และ ภรรยา เป็นการให้ที่ไม่หวังผลกำไร อยากให้คนที่อยากทำอะไร คิดให้ดี อย่าต้องมานั่งเสียดายทีหลัง