จากกรณีเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า ใกล้อนุสรณ์สถาน พื้นที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี วันที่ 4 ต.ค.67 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) กล่าวว่า
วันนี้ตนได้ทราบข่าวเเละได้รับการรายงานเเละเห็นภาพเหตุการณ์ที่ นายปกรณ์ เทศทำนุ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ์อุทัยธานี เข้าไปทำหน้าที่ด้วยน้ำใจอัยการ โดย นายปกรณ์ ลงไปนั่งคุกเข่าคุยกับแม่ครูผู้เสียชีวิตในรถบัส เป็นภาพที่อธิบดีอัยการ สคช.อย่างตนเห็นแล้วต้องขอชื่นชม ที่เข้าพูดคุยให้กำลังใจ เป็นที่พึ่ง ซึ่งแม่ของคุณครูท่านกำลังเสียใจที่สูญเสียลูกไปในงานศพ ของนักเรียนและครู ที่ได้รับพระราชานุเคราะห์ ทางอัยการคุ้มครองสิทธิ์ อุทัยธานี ได้ไปเป็นกำลังใจ ให้นักเรียน ผู้ปกครองนักเรียน และคุณครู รวมญาติผู้สูญเสีย ตั้งแต่รอรับศพ จนถึงพิธีศพที่โรงเรียน
เรื่องนี้แม้ภาครัฐจะยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเยียวยา แต่กระบวนการที่จะให้ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจะต้องประกอบด้วยเอกสาร การรับรองเอกสาร การยืนยันตัวตน การเป็นทายาทของผู้ตายตามกฎหมายหากมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มกรอกเอกสาร จนถึงการรับเงิน อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิจังหวัดอุทัยธานี ยินดีช่วยดำเนินการให้ ขจัดปัดเป่าปัญหา เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ตลอดจนครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้องและยุติธรรมตามกฎหมาย ต่อไปคุณครูที่เสียชีวิตอัยการก็ช่วยดูแลยื่นคำร้องขอจัดการมรดกให้ฟรี
แต่จากที่ได้รับรายงานพบว่ามีบางรายปัญหาเริ่มเกิดขึ้นแล้วคือนักเรียนที่เสียชีวิตบางคนอยู่กับพ่อ ซึ่งแม่ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก พ่อเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว และไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่พอเกิดมีปัญหาว่าใครควรจะเป็นผู้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา ปัญหาต่อมาคือเด็กบางคนอยู่กับ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือลุงป้าน้าอา ที่พ่อแม่ไม่ได้ดูแล ตอนนี้เด็กเสียชีวิต พอจะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาก็มีพ่อแม่กลับมาแสดงตัวขอรับเงินนี้ไว้
ซึ่งตอนนี้เงินชดเชยเยียวยาเป็นจำนวนสูงมาก ตรงนี้อัยการคุ้มครองสิทธิ์จะช่วยดูแลให้ความเป็นธรรมตามกฎหมาย หรือสามารถช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในการขอรับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ และค่าเสียหายต่างๆ อีก อัยการคุ้มครองสิทธิ์ทำงานเชิงรุก เข้าถึงที่เกิดเหตุ ตามนโยบายเชิงรุกในการคุ้มครองสิทธิ์ช่วยเหลือประชาชน ของท่านอัยการสูงสุด