สั่งจำคุก นักรบด่านเถื่อน ไลฟ์สดหมิ่นประมาท ผกก.บางบัวทอง
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา ที่ศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี ตัดสินจำคุก 8 เดือน สมาชิกเพจนักรบด่านเถื่อน หลังไลฟ์สดหมิ่นประมาท ผกก.บางบัวทอง
คดีนี้เริ่มต้นจากที่นายธนภัท อายุ 55 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ สมาชิกนักรบด่านเถื่อน แจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2565
หลังจากเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2564 เวลาประมาณ 14.00 น. นายธนภัท พานายมานพ สวนอ่วม ผู้เสียหายในคดีรถจักรยานยนต์ชนกัน ไปติดต่อเพื่อขอรับรถจักรยานยนต์คืน หลังพนักงานสอบสวนนำรถจักรยานยนต์ของกลางมาเก็บรักษาที่สถานเก็บรถเอกชนแห่งหนึ่งใกล้ สภ.บางบัวทอง พบว่ามีรถจักรยานยนต์จำนวนหลายร้อยคันจอดอยู่เป็นแนว และรถยนต์อีกจำนวน 50-60 คัน จอดอยู่ โดยคิดค่าจอดคันละ 50 บาทเป็นค่าเก็บรักษา ซึ่งนายมานพ นำมาเก็บรักษาไว้ในวันที่ 1 พ.ค2564 ถึงปัจจุบัน คิดค่าฝากรวมเป็นเงิน 10,000 บาทถ้วน โดยที่ ผกก.สภ.บางบัวทอง ไม่ได้ประกาศหาเจ้าของให้มาติดต่อรับรถคืนภายในกำหนด 6 เดือน และจำหน่ายรถของกลางออกไป นอกจากนี้ยังปล่อยให้รถต่างๆ ที่เก็บรักษาไว้ในห้องเก็บของกลางและรถยนต์ซึ่งจอดไว้มีจำนวนมากมาย ไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางระเบียบไว้ เป็นเหตุให้ทางราชการเสียหาย
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูณศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ชี้แจงว่าเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2564 หลังเข้ารับตำแหน่งได้มีคำสั่งกำชับให้เจ้าพนักงานตำรวจเร่งรัดการคืนรถแก่เจ้าของภายใน 3 วัน พร้อมกับตรวจสอบรถที่จอดเกิน 6 เดือน เพื่อติดตามหาเจ้าของ แล้วมีหนังสือขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณค่าเช่าสถานที่เก็บของกลาง ลงวันที่ 2 ธ.ค.2564
ดังนั้นการแจ้งความนั้นจึงเป็นความเท็จ โดยพ.ต.อ.พฤฒ มิได้กระทำความผิด ทำให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา เสื่อมเสียชื่อเสียง และเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยการไลฟ์สดทางโซเชียล จึงยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2565 ให้ดำเนินคดีกับนายธนภัท อุทุมพันธ์ ข้อหาหมิ่นประมาท และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ
ต่อมาศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี โดยศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีว่า นายธนภัท ไม่ปรากฏว่าเป็นผู้เสียหาย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องประการใด จึงไม่อาจฟังได้ว่าเป็นการป้องกันส่วนได้เสียของตนตามคลองธรรม หรือติชมด้วยความเป็นธรรม การกระทำของนายธนภัท จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อีกด้วย
พิพากษายืนตามอุทธรณ์ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172, 326 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยกฟ้อง