สาวหึงผัวไปทั่ว ตีหัวเพื่อนบ้านดับ เอาศพห่อผ้าพาดจยย. ทิ้งน้ำอำพราง
สลด! สาวป่วยจิตหึงโหด ใช้เหล็กฐานร่ม ตีหัวเพื่อนบ้านดับ อ้างถูกด่าจะทำร้าย เลยป้องกันตัว เอาศพห่อผ้าพาดจยย. ทิ้งน้ำอำพราง ผัวช็อกไม่คิดว่าเมียเป็นฆาตกร
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.67 พ.ต.อ วิริยะบัณฑิตย์ สถิตย์สุุชาติ ผกก.สภ.หนองปลิง จ.นครสวรรค์ รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เจอหญิงสาววัยกลางคน ขี่รถจักรยานยนต์นำศพคนตายมาโยนทิ้งในสระน้ำ พื้นที่หมู่ 1 ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบว่ามีกลุ่มพลเมืองดีกำลังควบคุมตัว น.ส.อริญาทิตย์ฐา อายุ 38 ปี พร้อมรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 สีดำ รอส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวน ซึ่งถูกระบุว่า พบเห็นหญิงสาวรายนี้ นำศพผู้เสียชีวิตที่ห่อผ้าอำพราง มาโยนทิ้งไว้ภายในสระน้ำ และกำลังขี่รถจักรยานยนต์จะหลบหนี จึงร่วมกับพลเมืองดีคนอื่นๆ ติดตามไล่สกัดจับกันก่อนจะควบคุมตัวเอาไว้ได้
สอบปากคำ น.ส.อริญาทิตย์ฐา ให้การว่า เพิ่งจะก่อเหตุฆ่า น.ส.บุญชู อายุ 47 ปี เพื่อนบ้าน เช่าห้องแถวอยู่ติดกัน พร้อมกับอ้างว่า เนื่องจากถูกน.ส.บุญชูด่าทออย่างหยาบคายเสียหาย จะถือของแข็งเข้ามาทำร้าย จึงใช้ด้ามเหล็กสำหรับวางฐานร่ม ตีใส่หัวผู้ตายเพื่อป้องกันตัว
ก่อนจะนำศพของผู้ตายไปห่อผ้าอำพราง แล้วนำมาวางพาดไว้บนหน้ารถจักรยานยนต์ ขี่พามาทิ้งสระน้ำ ซึ่งอยู่ห่างจากห้องเช่าไปประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อทำลายหลักฐาน
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานนักประดาน้ำจากหน่วยกู้ภัยมา งมค้นหาร่าง ก่อนจะนำขึ้นฝั่ง มาให้แพทย์เวรโรงพยาบาล ชันสูตรสภาพศพ ซึ่งพบว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายที่ศีรษะ โดยถูกตีอย่างรุนแรงด้วยของแข็ง ทางตำรวจจึงให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างของผู้เสียชีวิต ส่งไปตรวจพิสูจน์ยังโรงพยาบาลอย่างละเอียดอีกครั้ง
ก่อนจะนำตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจสอบ ยังจุดเกิดเหตุที่บริเวณห้องเช่า ที่ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตพักอยู่ พบว่ามีกองเลือด รอยหยดเลือดไหลเป็นทางยาว ตั้งแต่บริเวณหน้าห้องไปจนถึงถนน ยึดของกลาง ด้ามเหล็กสำหรับวางฐานร่ม ที่ใช้ก่อเหตุในที่เกิดเหตุด้วย
จากการสอบถามพลเมืองดี ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ คือ นายสมยศ อายุ 53 ปี อาชีพขับรถบรรทุก ให้การว่า ขณะกำลังขับรถออกไปทำงาน บังเอิญเห็น น.ส.อริญาทิตย์ฐา ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดที่ข้างสระน้ำ และพบเห็นว่า กำลังลากร่างของหญิงสาว ที่มีรอยเลือดอยู่ที่หัว นำพาลงจากรถ
ก่อนจะลากร่างไปที่ริมสระ แล้วใช้เท้าถีบให้ร่างร่วงลงน้ำ จากนั้นก็รีบขี่รถจักรยานยนต์ออกไปอย่างมีพิรุธ จึงขับรถไล่ตาม พร้อมกับตะโกนแจ้งชาวบ้านตามรายทาง ให้ช่วยกันขี่รถตามไล่สกัดจับตัวเอาไว้ได้ทัน
ด้านนายชัยรัตน์ อายุ 62 ปี สามีของ น.ส.อริญาทิตย์ฐา ระบุว่า ตอนเกิดเหตุ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพราะเพิ่งกลับมาจากทำงานขับรถตู้ และเมื่อกลับมาถึงห้องพัก ก็ทราบข่าวว่าน.ส.บุญชูถูกฆ่าตาย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครฆ่า กว่าจะรู้ ก็เมื่อมีตำรวจมาจับตัวภรรยาที่ห้อง เพื่อชี้จุดก่อเหตุ จึงทำให้ตกใจหนัก เพราะคิดไม่ถึงว่า ฆาตกรจะเป็นภรรยาของตนเอง
เมื่อถามถึงภรรยา นายชัยรัตน์ ระบุว่า เข้าพบแพทย์เพื่อรักษาทางจิตเวชมานานหลายปีแล้ว ซึ่งก็ต้องกินยาควบคุมอาการอยู่ตลอด แต่ก็ไม่หายขาด อีกทั้งช่วงหลังๆ มักจะมีอาการหนัก ถึงขั้นคอยหึงจับผิดตน และคนอื่นๆ รวมถึงน.ส.บุญชูเพื่อนข้างห้อง ก็มักจะโดนภรรยาตน ไปด่าหาเรื่องอยู่หลายครั้ง โดยกล่าวหาว่าจะมาแย่งตนไปเป็นสามี จึงทำให้เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคีย งไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เพราะเขากลัวกันหมด
ด้าน น.ส.ปิยดา อายุ 23 ปี ญาติของผู้ก่อเหตุ ให้การไปในทำนองเดียวกันว่าน.ส.อริญาทิตย์ฐา มักจะนั่งด่าอยู่คนเดียวเป็นประจำทุกวัน ที่หน้าห้องของตน อีกทั้งยังคอยจับผิดคนอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะไม่ว่า สามีของ น.ส.อริญาทิตย์ฐา จะยืนพูดคุยกับใครก็จะถูกด่าหาเรื่อง หาว่าจะไปแย่งผัวเขา จนหลายคนขยาดไม่กล้าเข้าใกล้
ส่วนที่เขาเป็นแบบนี้ เพราะมีอาการทางจิตเวช จากการเคยติดยาเสพติดมานานหลายปี แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นน.ส.อริญาทิตย์ฐา ไปก่อเหตุใช้ความรุนแรงกับใคร มีแต่แค่เห็นว่าชอบด่าแหลก เพียงเท่านั้น จนกระทั่งมาวันนี้ หลายๆ คนต่างก็ไม่คิดไม่ฝันว่าน.ส.อริญาทิตย์ฐา จะมาเป็นฆาตกร ลงมือทำร้ายน.ส.บุญชูจนตาย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ น.ส.อริญาทิตย์ฐา ยังอยู่ในการควบคุมของตำรวจ เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดในการทำสำนวนคดี แต่ก็แจ้งข้อหาฆ่าคนตายไว้ก่อน 1 กระทงแล้ว ส่วนข้อหาอื่นๆ จะมีตามมาในภายหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้นก่อน จะนำตัวไปส่งไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป