ต้องบอกว่าในตอนนี้ หลายคนยังคงได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำก็ถูกปรับลดเงินเดือน หรือว่าเจ้าของกิจการหลายรายก็มีรายได้ลดลงจากแต่ก่อน ส่งผลให้รายได้เริ่มไม่สอดคล้องกับรายจ่าย และมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังคงเป็นหนี้รถยนต์ ซึ่งเป็นหนี้ระยะยาวที่คนมีรถยนต์ต้องเผชิญ อย่างไรก็ตามหากคุณพบ 3 สัญญาณที่กล่าวต่อไปนี้ มันจะบ่งบอกว่าคุณเริ่มที่จะผ่อนรถไม่ไหว เพื่อจะได้ปรับตัวให้ทันต่อสภาพการณ์ในปัจจุบัน หลีกเลี่ยงการเกิดหนี้เสียและการถูกยึดรถที่อาจเกิดขึ้นได้ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน
1. มีรถแต่ไม่นำมาใช้งาน
จุดประสงค์หลักของการมีรถยนต์ก็เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของตนเอง แต่การครอบครองรถยนต์หนึ่งคันก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน, ค่าซ่อมบำรุง, ค่าจอดรถ, ค่าประกันภัย และอื่น ๆ จึงทำให้เจ้าของรถหลายคนที่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน เลือกที่จะจอดรถไว้ที่บ้าน และใช้ทางเลือกอื่นในการเดินทาง เช่น หันไปใช้จักรยานยนต์ที่กินน้ำมันน้อยกว่า หรือเดินทางด้วยรถสาธารณะที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าแทน เหล่านี้อาจถือเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณเริ่มมีโอกาสผ่อนรถไม่ไหวแล้ว
2. เริ่มจ่ายค่างวดล่าช้า
การจ่ายค่างวดล่าช้าเกินกว่าที่ไฟแนนซ์กำหนด ถือเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่ หากเป็นการจ่ายล่าช้าเพียงไม่กี่วันอันนี้ไม่มีปัญหา แต่หากค้างชำระเกินกว่า 1 เดือนขึ้นไปอันนี้แสดงว่าปัญหาเริ่มเกิดแล้ว เพราะจะเกิดความลำบากในการกลับมาชำระให้ตรงเวลา เอาตรง ๆ ตามประสาชาวบ้านก็คือ คือ ค่างวด 1 เดือนยังชำระไม่ไหว จะให้ชำระพร้อมกัน 2 หรือ 3 เดือนจะไหวได้อย่างไร
3. กู้เงินเพื่อจ่ายค่างวด
มีคนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะใช้วิธีกู้เงินเพื่อนำมาชำระค่างวดรถ แม้ว่าจะช่วยรักษาเครดิตเอาไว้ได้ แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องเผชิญกับหนี้ก้อนใหม่ที่งอกขึ้นมา ในขณะที่ค่างวดรถก็ต้องชำระอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม กลายเป็นว่ามีหนี้ซ้ำซ้อนขึ้นไปอีก จะกลับตัวก็ลำบาก จะเดินหน้าต่อไปก็เหนื่อยเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แบบนี้ถือว่าสถานะทางการเงินเข้าขั้นเปราะบางแบบสุดๆ หากว่าตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวแล้วล่ะก็ อาจเตรียมตัวหาทางออกเพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสียในอนาคต ซึ่งปัจจุบันไฟแนนซ์ส่วนใหญ่เปิดรับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อลดยอดผ่อนลง หรือจะเลือกใช้วิธีเปลี่ยนสัญญาส่งต่อให้ผู้อื่นก็ได้เช่นกัน